รถยนต์ไฟฟ้า 2022 ปัจจุบัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต้องการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังงานใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากภาวะน้ำมันแพงที่รัฐบาลกดดันให้ลดราคา ไปจนถึงข้อกำหนดด้านมลพิษที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ยังคงพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง รถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่ไม่ควรละเลยเมื่อเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ ในเมืองไทยตอนนี้มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ มีกี่รุ่น สเปคเป็นอย่างไร เราได้รวบรวมไว้ให้คุณเปรียบเทียบว่าเหมาะสมกับการใช้งานของคุณหรือไม่
นวัตกรรมยานยนต์อย่างรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเรากำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้รถยนต์ ทั้งสองขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน หรือมีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ยุโรป หรือจีนรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างจริงจัง เนื่องจากฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและสภาพอากาศที่เลวร้ายลง ส่งผลให้มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการของรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และราคาก็ถูกลงเช่นกัน ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 100 แนะนำรถยนต์ EV ไม่เกิน 10,000 บาท รถยนต์ในอนาคต
รถยนต์ไฟฟ้า 2022 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สำหรับคนเมือง ขนาดตัวถังกะทัดรัด สไตล์ Minimal ปรับแต่งช่วงล่าง ให้เข้ากับสภาพถนนในไทย ขับง่าย ขับสบาย มีทั้งในแบบ 3 ประตู และ 5 ประตู ใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่จับต้องได้ รูปลักษณ์ที่ถูกใจในทุกเพศทุกวัย
ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง โปร่งสบาย ใช้โทนสีแบบทูโทน วัสดุแผงคอนโซลเป็นพลาสติกขึ้นรูปที่ดูสวยมีสไตล์ โดยในรุ่น Top มาพร้อมจอแสดงข้อมูล Multi-Function แบบ Double Screen ปุ่มควบคุมเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย กล้องมองขณะถอยหลัง เกียร์เป็นแบบปุ่มกดสไตล์รถ EV คอนโซลดูเรียบหรูทันสมัย ตัดขอบช่องแอร์ด้วยวัสดุสีเงินด้าน เบาะหนังใช้โทนสีแบบทูโทนเช่นกัน
ส่วนการชาร์จกระแสไฟฟ้าจะเป็นแบบ Normal Charge เท่านั้น โดยจะใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มสามารถขับได้ไกล 160 – 200 กิโลเมตร เฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองอยู่เพียงแค่กิโลเมตรละ 30 สตางค์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากในภาวะราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน และทำความเร็วสูงสุดได้ 105 กม./ชม.
ราคาช่วงแนะนำเริ่มต้น 325,000 บาท สำหรับรุ่น VOLT FOR-TWO และ 385,000 บาท สำหรับรุ่น VOLT FOR-FOUR สำหรับลูกค้าที่จองรถไปแล้วในโปรโมชั่นพิเศษ 1,000 คันก่อนหน้า สามารถรอรับรถได้ในเดือนตุลาคม 2565
เป็นรถยนต์ไฟฟ้า “Touchable Smart EV” ในรูปแบบ Crossover ขนาดเล็กแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ตัวรถภายนอกได้แรงบันดาลใจมาจาก “โลมา” ด้านหน้ารถยื่นแหลมเหมือนปากโลมา ด้านข้างมีสันนูน เน้นความลู่ลม
ส่วนภายในห้องโดยสารดูเรียบง่ายสไตล์มินิมอล แผงคอนโซลแบบเล่นระดับตกแต่งลายไม้ เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 2 ก้าน มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมสั่งงานด้วยเสียง แอร์อัตโนมัติ และระบบกรองอากาศ N95 ส่วนเบาะหลังพับได้ พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายขนาด 335 ลิตร
สำหรับเวอร์ชั่นไทย คาดว่ามาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ติดตั้งไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium (จาก CATL) ขนาดความจุ 38.54 kWh แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ประมาณ 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)
รองรับการชาร์จไฟแบบ AC จาก 0-100% ในเวลา 8 ชั่วโมง และระบบ Fast Charging สามารถชาร์จด่วนแบบ DC จาก 30-80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ผ่านช่องชาร์จไฟแบบ CCS2 รถ มอไซค์ไฟฟ้า
รถยนต์ไร้คนขับ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่กระโดดลงมาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างจริงจัง แม้ว่าตอนนี้กระแสรถ EV ค่ายนี้จะดูถดถอยไปก็ตาม
Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที รองรับการขับขี่เป็นระยะทาง 311 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC
ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 kWh สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที
รับประกันทั้งระบบ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
Mercedes-Benz EQS 450+ (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส 450+) จัดว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่นำมาโชว์ในงาน Big Motor Sale 2022 ซึ่งเป็นการปรับตัวของ Mercedes-Benz จากเน้นผลิต “รถยนต์ไฟฟ้านำ” (Electric-First) เป็นการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น” (Electric-Only) ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2030
โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายใน
มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 107.8 kWh ให้แรงม้าสูงสุด 333 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม. ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 770 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง
สำหรับ The New EQS 450+ AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 8,570,000 บาท และ The New EQS 450+ Edition 1 วางจำหน่ายในราคา 8,870,000 บาท รถยนต์ไฟฟ้า 2022
ตัวรถเอกลักษณ์สุดล้ำ ประสานประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับความหนาแน่นและความจุพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่แรงดันสูง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า เทคโนโลยีการชาร์จ และแบตเตอรี่แรงดันสูงรุ่นล่าสุด ที่ได้รับการยกระดับในด้านสมรรถนะการทำงาน การใช้พลังงานไฟฟ้า และระยะทางในการขับขี่ อีกทั้งยังเพิ่มความหนาแน่นและศักยภาพของกำลังไฟฟ้าด้วยการรวมมอเตอร์ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเกียร์ไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน เช่นเดียวกับ BMW iX
ระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ใน BMW iX3 M Sport ส่งพละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ซึ่งโดดเด่นว่ามอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่นอื่นๆ ด้วยความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้ระหว่างรอบสูง โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
ขับขี่สนุกอย่างอุ่นใจด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-Actuator Wheel Slip Limitation) ปริมาตรความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่การติดตั้งและน้ำหนัก ส่วนความจุพลังงานรวมอยู่ที่ 80kWh เพื่อขับเคลื่อนให้ BMW iX3 ขับขี่ได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และ 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC รถยนต์ไฟฟ้า 2022
หลังจากที่รัฐบาลได้อนุมัตินโยบายสรรพสามิตเพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น คุ้มครองสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดดังนี้สำหรับรถยนต์นั่งไฟฟ้าหรือรถยนต์นั่งไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 10 ที่นั่ง ราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท และแบตเตอรี่มีความจุไม่น้อยกว่า 10 กิโลวัตต์ชั่วโมงและไม่เกิน 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง 70,000 บาท/คัน และ 150,000 บาท/คัน สำหรับรถยนต์ที่มีความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไปรถกระบะไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศมีราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท และแบตเตอรี่ขนาดความจุตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป รับเงินช่วยเหลือ 150,000 บาท/คัน และ 18,000 บาท/คัน สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า BEV ราคาขายปลีกไม่เกิน 150,000 บาท
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคือรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่จะกลายเป็นเทรนด์สำคัญของโลก รถยนต์ไฟฟ้าแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ รถยนต์ไฮบริด (HEV) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) หรือรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงและแบตเตอรี่ (BEV) พลังงานแต่ละประเภทมีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภทและแตกต่างกันอย่างไรข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า 100% คือไม่ก่อให้เกิดของเสียแต่ยังมีลักษณะที่ต้องการแรงบิดทันทีเมื่อเร่งความเร็วด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า . การบำรุงรักษายังง่าย รวมถึงไม่มีชิ้นส่วนกลไกที่ซับซ้อนของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้า 2022